ทาโร มิซากิ : ศิลปินลูกหนัง แรงบันดาลใจ “ปรเมศย์” ในจูบิโล อิวาตะ

Maruak Tanniyom

ทาโร มิซากิ : ศิลปินลูกหนัง แรงบันดาลใจ “ปรเมศย์” ในจูบิโล อิวาตะ image

Yoichi Takahashi, KLab

“สโมสรแห่งนี้มีความน่าดึงดูด และเป็นที่รู้จักในแง่เคยคว้าแชมป์ลีกมาหลายครั้ง สร้างนักเตะฝีเท้าดีมากมาย นอกจากนี้ยังเป็นสโมสรของ ทาโร มิซากิ ในกัปตันสึบาสะอีกด้วย”  ปรเมศย์กล่าวในวันเปิดตัว

กลายเป็นผู้เล่นชาวไทยรายล่าสุดที่มีโอกาสไปโชว์ฝีเท้าในเจลีก สำหรับ ปรเมศย์ อาจวิไล หลัง เมืองทอง ยูไนเต็ด ปล่อยให้ จูบิโล อิวาตะ ยืมตัวไปใช้งาน 11 เดือน

การย้ายทีมครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ความท้าทายของ ปรเมศย์ เท่านั้น แต่ยังเป็นการได้ร่วมทีมเดียวกับฮีโรของ ฟร้องซ์ เนื่องจากนี่คือทีมที่ ทาโร มิซากิ แรงบันดาลใจในวัยเด็กของเขาเคยค้าแข้ง

มิซากิ คือใคร และเพราะเหตุใด จึงเป็นหนึ่งในตัวละครที่ผู้คนรักไม่แพ้สึบาสะ รู้จักไปพร้อมกัน 

แข้งพเนจร

แม้ว่า ปรเมศย์ และ มิซากิ จะเล่นคนละตำแหน่ง แต่ชีวิตของพวกเขาก็มีส่วนคล้ายกัน โดยเฉพาะการที่ต้องระหกระเหิน ย้ายไปนู่นที ย้ายไปนี่ที กว่าจะได้ลงหลักปักฐาน 

เพราะก่อนที่ ฟร้องซ์ จะสร้างชื่อกับเมืองทอง เขาเป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าหนูนักเดาะบอล แห่งสนามแพท สเตเดียมของ ท่าเรือ มาก่อน แถมตอนที่มาอยู่กับ กิเลนผยอง ก็ยังถูกส่งไปหาประสบการณ์กับทั้ง อุดรธานี และ บางกอก เอฟซี ในลีกล่าง 

ขณะที่ มิซากิ ด้วยความที่พ่อเขาเป็นศิลปิน ต้องเดินทางไปวาดรูปในที่ต่างๆ ทั่วญี่ปุ่น จึงทำให้เขาต้องย้ายโรงเรียนตามพ่อไป ก่อนจะมาเจอกับ สึบาสะ ที่นันคัตสึ จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ “คู่หูแข้งทอง” 

เขากลายเป็นกำลังสำคัญในแนวรุกของ นันคันสึ เอสซี ก่อนจะผนึกกำลังกับสึบาสะ พาทีมจากจังหวัดชิซุโอกะ คว้าแชมป์ฟุตบอลประถมชิงแชมป์แห่งชาติ ได้อย่างยิ่งใหญ่ 

อย่างไรก็ดี ตำนาน “คู่หูแข้งทอง” ต้องจบลงอย่างรวดเร็ว เมื่อ มิซากิ จำเป็นต้องลาทีม หลังจบทัวร์นาเมนต์ เพื่อตามพ่อที่ได้งานที่ฝรั่งเศส

 

หลังจากนั้น เขาก็หายไปจากเรื่องราวของ กัปตันสึบาสะ ปล่อยให้คู่หูของเขาอย่าง สึบาสะ ได้เฉิดฉายเพียงลำพัง ด้วยการพา นันคัตสึ คว้าแชมป์ฟุตบอลมัธยมต้นชิงแชมป์แห่งชาติ 3 สมัยซ้อน

กว่าที่ทั้งสองจะได้กลับมาร่วมงานอีกครั้ง ก็ต้องรอจนถึง จูเนียร์ยูธ หรือ U16 ชิงแชมป์โลก ที่ทีมชาติญี่ปุ่น ซึ่งนำโดยสึบาสะ ได้ไปเล่นในรอบสุดท้ายที่ฝรั่งเศส 

แม้ว่าที่ฝรั่งเศส มิซากิ จะไม่ได้สังกัดทีมเยาวชนที่ไหน แต่เขาก็ยังเล่นฟุตบอลอยู่ตลอด แถมฝีเท้ายังพัฒนาขึ้นจากสมัยประถม และทำให้ “คู่หูแข่งทอง” ได้ถือกำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้ง 

การได้เล่นกับสึบาสะ เหมือนช่วยขับศักยภาพของ มิซากิ ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น จนช่วยให้ญี่ปุ่น ก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์เยาวชนนานาชาติได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะ เยอรมันตะวันตก 3-2 ในนัดชิงชนะเลิศ 

อย่างไรก็ดี มิซากิ ก็มีคำถามอยู่ในใจตลอดว่า หากไม่มี สึบาสะ เขาจะมาถึงจุดนี้ได้หรือไม่ 

ผู้เสียสละตัวเอง

ความรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสามารถหากไม่ได้เล่นคู่กับ สึบาสะ คือสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ มิซากิ มาตลอด และมันก็มาตอกย้ำ ตอนที่เขากลับมาเล่นให้มัธยมปลายนันคัตสึ 

เพราะ ม.ปลายนันคัตสึ ที่ไม่มีสึบาสะ (ที่เดินทางwxเล่นฟุตบอลที่บราซิล) ไม่สามารถเอาชนะ โตโฮ ของ โคจิโร ฮิวงะ ได้เลย แถมตอน ม.6 ที่คว้าแชมป์ได้ ฮิวงะ ก็ไม่ได้ลงเล่น 

ทำให้หลังจากเรียนจบ แม้ มิซากิ จะได้รับความสนใจจากสโมสรในเจลีก แต่เขาก็ปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าจะทุ่มเทให้ ทีมชาติญี่ปุ่น ชุด U19 เพื่อพิสูจน์ตัวเองก่อน 

บวกกับหลังจากญี่ปุ่นได้ มินาโตะ กาโมะ เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ เขาได้ไล่ตัวหลักของทีมชาติญี่ปุ่น รวมถึง มิซากิ ให้ไปหาประสบการณ์ ฝึกฝนเพื่อค้นหาตัวเอง 

มิซากิ ที่ตัดสินใจเดินทางไปทั่วโลก เริ่มมองเห็นศักยภาพตัวเองที่ไม่ต้องพึ่งพิงสึบาสะ อีกทั้งยังสามารถคิดค้นท่าไม้ตาย “บูมเมอแรงชู้ต” ที่ประเทศแคเมอรูน และได้นำมาใช้ในรอบคัดเลือกโซนเอเชีย นัดพบกับ ซาอุดิอาระเบีย 

แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาไม่เป็นใจ เมื่อก่อนฟุตบอลเยาวชนโลก (U-19) ที่ย้ายมาจัดที่ญี่ปุ่น เนื่องจาก บุรุนกา (ประเทศสมมติ) เจ้าภาพเดิมมีสงครามกลางเมือง จะเริ่มขึ้น มิซากิ ดันมาเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากพยายามช่วยน้องสาวไม่ให้ถูกรถโดยสารชนจนตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะที่ขาซ้าย 

ตอนนั้นการได้เล่นให้ทีมชาติญี่ปุ่น U-19 ในรอบสุดท้ายของ มิซากิ เข้าขั้นริบหรี่ เพราะเขาต้องเข้ารับการรักษา และทำกายภาพบำบัด แต่ด้วยความช่วยเหลือของ ฮิโรยูกิ ชิบาซากิ หมอฝีมือดี ก็ทำให้อาการดีขึ้น จนสุดท้ายเขาก็มาปรากฎตัวในนัดชิงชนะเลิศ 

อย่างไรก็ดี การมาของ มิซากิ คือการหนีออกมา เนื่องจากเขายังไม่หายดี และหมอชิบาซากิ ก็ปฏิเสธที่จะให้เขาลงเล่น เนื่องจากกลัวจะเจ็บหนักจนถึงขั้นต้องแขวนสตั๊ด แต่ด้วยความมุ่งมั่น มิซากิ ก็ฝืนลงเล่น พร้อมกับผ้าพันแผลที่ขาซ้าย 

“ผมจะไปสู่เวทีชิงชัยบอลเยาวชนโลก โดยมีการแขวนสตั๊ดเป็นเดิมพัน” มิซากิ กล่าว 

และในช่วง 30 นาทีสุดท้าย ที่ มิซากิ ถูกส่งลงมา ก็ทำให้ญี่ปุ่น ที่เป็นรองบราซิล มาตลอด ทำผลงานได้ดีขึ้น และช่วยให้ขุนพลซามูไรพลิกแซงขึ้นนำจากลูก “ทวินชู้ต” กับ สึบาสะ   

แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาการบาดเจ็บของ มิซากิ ก็แย่ลง จนแทบวิ่งไม่ไหว แถมหลังจากนั้นยังโดนบราซิล ตีเสมอ 2-2 จนทำให้ญี่ปุ่นกลับมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอีกครั้ง 

ตอนนั้น มิซากิ ไม่สนใจแล้วว่าจะได้เล่นฟุตบอลต่อไปอีกหรือไม่ เขารวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายในช่วงทดเจ็บ จ่ายบอลด้วยขาซ้ายที่บาดเจ็บ ให้ สึบาสะ ใช้ท่าไม้ตาย “จัมปิงวอลเลย์ชู้ต” ซัดประตูให้ทีมชาติญี่ปุ่น เอาชนะบราซิล ไปได้ 3-2 พร้อมผงาดคว้าแชมป์เยาวชนโลกได้สำเร็จ 

และนั่นคือจุดเริ่มต้นในการข้ามขีดจำกัดของ มิซากิ 

รุ่นพี่ฟร้องซ์ 

แม้จะพาทีมคว้าแชมป์เยาวชนโลก แต่จากการโหมร่างกายในนัดชิงชนะเลิศ ทำให้ มิซากิ ต้องพักยาวเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

อันที่จริง หลังจบเยาวชนโลก มิซากิ ได้รับความสนใจจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แต่เขาปฏิเสธไป เพราะต้องการรักษาขาซ้ายให้หายดี  

และหลังจากฟิตสมบูรณ์ เขาได้เซ็นสัญญากับ จูบิโล อิวาตะ พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมนันคัตสึอย่าง เรียว อิชิซากิ ก่อนประเดิมสนามด้วยการเอาชนะ อูราวะ เรดส์ ไปได้ 2-1 

แม้จะไม่ได้ค้าแข้งต่างแดน เหมือนเพื่อนร่วมทีมชาติญี่ปุ่นหลายคน แต่ต้องยอมรับว่า มิซากิ ก็มีพัฒนาการทางฝีเท้าอย่างต่อเนื่องใน สีเสื้อของ จูบิโล ไม่แพ้ผู้เล่น เนื่องจากได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการเป็น “เดอะแบก” ให้กับทีมชาติญี่ปุ่น แทน สึบาสะ ที่ไม่มีชื่ออยู่ในทีม ในรอบคัดเลือก โอลิมปิก เนื่องจากโค้ชตัดสินใจไม่ใช้ผู้เล่นที่ค้าแข้งในต่างแดน

มันคืออีกทัวร์นาเมนต์ ที่ มิซากิ พิสูจน์ว่าเขาสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นคู่หูที่ทัดเทียม สึบาสะ ในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ แถมยังเป็นผู้ยิงประตูชัยในเกมกับออสเตรเลีย พาทีมไปเล่นโอลิมปิกได้อีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากโอลิมปิก ที่มาดริด มิซากิ ยังถูกทาบทามจาก เปเอสเช อีกครั้ง และทำให้เขาได้ย้ายไปเป็นคู่หูคนสำคัญของ เอล ซิด ปิแอร์ แข้งเยาวชนฝรั่งเศส

มันคือภาพสะท้อนการพัฒนาการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนของ มิซากิ ที่ค่อยๆ ก้าวไปทีละสเต็ป บ่มเพาะฝีเท้าให้สุกงอมอย่างเต็มที่ ก่อนจะก้าวไปเวทีที่ใหญ่ขึ้น

บางทีหาก ปรเมศย์ ทำผลงานได้ดีที่ จูบิโล เขาอาจจะได้ตามรอย มิซากิ ไปโชว์ฝีเท้าในยุโรป ก็เป็นได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

Maruak Tanniyom

ลีดส์ ยูไนเต็ด, ญี่ปุ่น, มังงะ