ในปี 2025 คริปโตเคอร์เรนซีได้เติบโตจากแค่การทดลองทางดิจิทัล กลายเป็นระบบนิเวศทางการเงินระดับโลกที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ มีผู้คนมากกว่า 562 ล้านคนทั่วโลกเป็นเจ้าของคริปโตเคอร์เรนซี ในความเป็นจริงแล้วปีนี้มูลค่ารวมของตลาดคริปโตทั่วโลกแตะที่ 4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญ นอกจากนี้การนำคริปโตไปใช้ยังขยายตัวในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย อันเนื่องมาจากการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) สินทรัพย์ดิจิทัล และโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ
บทความนี้จะเจาะลึกถึงความนิยมของคริปโตทั่วโลก พร้อมทั้งวิเคราะห์เหตุการณ์สำคัญที่เปลี่ยนแปลงเส้นทางของตลาดคริปโต เราจะนำเสนอประเทศชั้นนำที่เป็นผู้นำในการถือครองคริปโตเพื่อให้คุณเห็นภาพรวมของตลาด ณ ขณะนี้
เหตุการณ์สำคัญ 15 อันดับที่เปลี่ยนแปลงตลาดคริปโต
คริปโตเคอร์เรนซีถือกำเนิดขึ้นมาไม่นานนัก แต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมนี้ได้เผชิญกับทั้งขาขึ้นและขาลง ในส่วนนี้ เราจะรวบรวมเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของคริปโตเคอร์เรนซีที่เปลี่ยนแปลงตลาดที่เรารู้จักกันในวันนี้
การเปิดตัวบิตคอยน์และบล็อคเจเนซิส - 3 ม.ค. 2009
ในปี 2009 บุคคลหรือกลุ่มปริศนาในชื่อ ซาโตชิ นากาโมโตะ ได้ขุดบล็อคบิตคอยน์แรก พร้อมบิตคอยน์ 50 เหรียญ หรือที่รู้จักกันว่า Genesis Block หรือ Block 0 ในบล็อคนี้มีการฝังข้อความ “The Times 03/Jan/2009 Chancellor on brink of second bailout for banks” อ้างถึงวิกฤตการณ์ทางการเงินปี 2008 ซึ่งทำให้บิตคอยน์ถูกวางตัวเป็นทางเลือกใหม่ต่อระบบธนาคารแบบดั้งเดิม
นี่ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์คริปโตเคอร์เรนซีด้วยเหตุผลหลายประการ จุดเริ่มต้นก็คือ การเปิดตัวบิตคอยน์ถือเป็นการเริ่มต้นปฏิวัติทางการเงินอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังพิสูจน์ว่า Proof of Work (กระบวนการยืนยันธุรกรรมแบบใช้พลังประมวลผล) ใช้งานได้จริง และสำคัญไม่แพ้กัน บิตคอยน์ชี้ให้เห็นว่าระบบการเงินแบบกระจายศูนย์สามารถเกิดขึ้นได้จริง
เกร็ดน่ารู้: ต่างจากบล็อคถัด ๆ ไป บิตคอยน์ 50 เหรียญจากบล็อคเจเนซิสนี้ไม่สามารถถูกนำไปใช้จ่ายได้ เป็นอนุสรณ์ดิจิทัลตลอดกาลแห่งจุดเริ่มต้นของคริปโตเคอร์เรนซี
เดิมพันกีฬาออนไลน์ด้วยคริปโต ง่ายและปลอดภัยทันที
ธุรกรรมบิตคอยน์ครั้งแรก - 12 ม.ค. 2009
ไม่กี่วันหลังการเปิดตัวบิตคอยน์ ได้เกิดธุรกรรมบิตคอยน์ครั้งแรกขึ้น เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2009 ซาโตชิ นากาโมโตะ ได้ส่งบิตคอยน์ 10 เหรียญให้กับนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ Hal Finney ผ่านการโอนแบบ peer-to-peer บนเครือข่ายบิตคอยน์ ธุรกรรมนี้ถูกบันทึกไว้ใน Block 170 ซึ่งพิสูจน์ว่าบิตคอยน์สามารถใช้เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนระหว่างบุคคลโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง
ช่วงเวลานี้จึงเป็นจุดสำคัญในเส้นทางของบิตคอยน์ เพราะแสดงให้เห็นว่าบิตคอยน์สามารถใช้เป็นเงินดิจิทัล และสามารถถ่ายทอดมูลค่าระหว่างคนสองคนผ่านอินเทอร์เน็ตได้สำเร็จ ยืนยันถึงความถูกต้องของเครือข่าย และเป็นจุดตั้งต้นให้บิตคอยน์ถูกนำไปใช้จริงในธุรกรรมการชำระเงิน
Bitcoin Pizza Day - 22 พ.ค. 2010
ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2010 บิตคอยน์ได้ก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจแห่งความเป็นจริง ด้วยการซื้อพิซซ่า Papa John’s สองถาด Laszlo Hanyecz โปรแกรมเมอร์จากฟลอริดา ได้ซื้อพิซซ่าสองถาดในราคา 10,000 บิตคอยน์ หรือ $41 ในขณะนั้น
นี่เป็นธุรกรรมทางการค้าจริงครั้งแรกที่มีการใช้บิตคอยน์ แลกเปลี่ยนกับสินค้าจริง ซึ่งแม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อย แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าผู้คนกล้าจะแลกเปลี่ยนบิตคอยน์กับสินค้าของจริง จึงกลายเป็นหลักฐานว่าคริปโตเคอร์เรนซีสามารถเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนได้จริง ที่น่าสนใจ วันที่ 22 พฤษภาคมต่อไปนี้จึงถูกเฉลิมฉลองเป็น Bitcoin Pizza Day ในแต่ละปี เพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยีทดลองไปสู่สื่อการชำระเงินจริง
Mt. Gox Exchange ถูกแฮกและล่มสลาย - ก.พ. 2014
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 อุตสาหกรรมคริปโตเผชิญกับจุดตกต่ำครั้งใหญ่ เมื่อ Mt. Gox ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายบิตคอยน์ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนั้น ถูกแฮก ในช่วงที่ Mt. Gox รุ่งสุด ๆ นั้นมีการเทรดบิตคอยน์มากกว่า 70% ของโลก แต่สุดท้ายตลาดนี้สูญเสียบิตคอยน์ไปประมาณ 850,000 เหรียญจากฝีมือแฮกเกอร์ ซึ่งได้ใช้ช่องโหว่ในระบบรักษาความปลอดภัยของตลาดนี้มาตั้งแต่ปี 2011 โดยที่ไม่ถูกตรวจพบ
ต่อมาทาง Mt. Gox ได้ยื่นขอล้มละลายและปิดตัวกะทันหัน ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับตลาดคริปโตครั้งใหญ่ ราคาบิตคอยน์ร่วงลง ผู้คนสูญเสียความมั่นใจในคริปโต และตลาดก็เข้าสู่ภาวะฤดูหนาว (Crypto Winter) อย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ก็ช่วยยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยในอุตสาหกรรมคริปโตมากขึ้น มีการตรวจสอบ Proof-of-Reserves ระบบรักษาความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้น และกองทุนประกันภัย
NFT แรกถูกสร้างขึ้น - 5 พ.ค. 2014
แม้ว่า NFT จะได้รับความนิยมในปี 2021 แต่ NFT ตัวแรกถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2014 โดยศิลปินดิจิทัล Kevin McCoy และ Anil Dash กับผลงานชื่อ “Quantum” ซึ่งเป็นภาพเคลื่อนไหววนลูป อย่างง่าย การสร้าง Quantum นี้ได้วางรากฐานด้านเทคโนโลยีและแนวคิดของ NFT ทำให้เกิดการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของและแหล่งกำเนิดไฟล์ดิจิทัล
กล่าวได้ว่า Quantum ปูทางไปสู่ปรากฏการณ์ NFT ที่จะเกิดขึ้นในอีก 7 ปีถัดมา โดย NFT แรกนี้ถูกขายต่อในปี 2021 ด้วยราคาเกือบ $1.5 ล้าน ในงานประมูลของโซเธอบีส์ Quantum และ NFT ต่อมาอีกมากมายจึงสร้างธุรกิจหมื่นล้านดอลลาร์ในวงการศิลปะดิจิทัล ไอเทมเกม และของสะสมบนบล็อกเชน
เดิมพันกีฬาออนไลน์ด้วยคริปโต ง่ายและปลอดภัยทันที
เปิดตัว Ethereum - 30 ก.ค. 2015
วันที่ 30 กรกฎาคม 2015 วิสัยทัศน์ “คอมพิวเตอร์โลก” ของ Vitalik Buterin เป็นจริง เมื่อได้มีการเปิดตัว Ethereum เวอร์ชันแรกในชื่อ “Frontier” แนวคิดของ Buterin คือการเอาชนะข้อจำกัดของบิตคอยน์ ผลลัพธ์จึงเกิด Ethereum ที่มี Smart Contracts ที่โปรแกรมได้บนเครือข่ายบล็อกเชน ให้เหล่านักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ (dApps) ได้โดยตรง
การเปิดตัว Ethereum คือหน้าประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของคริปโต ซึ่งขยายประโยชน์ของบล็อกเชนจากแค่ธุรกรรม ไปสู่การเป็นรากฐานของ DeFi, NFT และนวัตกรรมอีกมากมายที่เราเห็นทุกวันนี้
DeFi Summer - มิ.ย.–ธ.ค. 2020
การเปิดตัวเหรียญ COMP ของ Compound เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2020 เริ่มต้นปรากฏการณ์ “DeFi Summer” Compound เป็นโปรโตคอลแรกที่นำเสนอ yield farming (หรือ liquidity mining) ซึ่งผู้ใช้งานจะได้รับโทเคนสำหรับการให้สภาพคล่องแก่โปรโตคอล
เมื่อผู้ใช้สามารถรับผลตอบแทนสูงจากการให้สภาพคล่องหรือยืมเงินผ่านแพลตฟอร์ม DeFi จึงเกิดการหลั่งไหลของเงินทุนมหาศาลสู่ตลาด DEX, แอปให้ยืม และ yield farm ตัวอย่างเช่นวันที่ 21 มิถุนายน ราคาของ COMP พุ่งขึ้นถึง $372 แสดงถึงดีมานด์ของการมีส่วนร่วมใน DeFi ที่สูง กระแสนี้กระตุ้นโปรโตคอลอื่นๆ เช่น Balancer, Rarible ฯลฯ ให้เปิดโครงการ liquidity mining ของตนเอง
Beeple ขาย NFT $69 ล้าน - 11 มี.ค. 2021
อีกเหตุการณ์สำคัญของ NFT คือการขายผลงาน “Everydays: The First 5000 Days” โดยศิลปินดิจิทัล Mike Winkelmann (Beeple) ผ่านบ้านประมูลใหญ่ ผลงาน NFT นี้ถูกประมูลในราคา $69.3 ล้าน ที่ Christie’s ส่งผลให้ Beeple กลายเป็นหนึ่งในสามศิลปินที่มีมูลค่างานสูงสุดที่ยังมีชีวิตอยู่
การขายนี้เน้นย้ำถึงดีมานด์สูงของของสะสมดิจิทัลที่ตรวจสอบได้ว่าเป็นของจริง และพิสูจน์ให้เห็นว่า NFT สามารถปลดล็อคมูลค่าใหม่สำหรับครีเอเตอร์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งการประมูลนี้ยังจุดกระแส NFT ในปี 2021 ทำให้ปริมาณการซื้อขายและการทดลองสร้างสรรค์ในวงการนี้เติบโตอย่างมาก
บิตคอยน์ถูกกฎหมายในเอลซัลวาดอร์ - 7 ก.ย. 2021
ปี 2021 เอลซัลวาดอร์กลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ยอมรับบิตคอยน์เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย เทียบเท่ากับดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่กฎหมายจะผ่าน รัฐบาลของประธานาธิบดี Nayib Bukele ได้ซื้อบิตคอยน์ 400 เหรียญ มูลค่าประมาณ $21 ล้าน หลังจากกฎหมายนี้ผ่านไป บิตคอยน์จึงสามารถใช้ชำระธุรกรรมต่างๆ ได้ ทั้งการจ่ายภาษี การชำระหนี้ ฯลฯ
นี่คือเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์คริปโต เพราะเป็นครั้งแรกที่ประเทศอธิปไตยรับรองคริปโตให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบสกุลเงิน ทั้งนี้หลังจากเอลซัลวาดอร์ ประเทศอื่น เช่น สาธารณรัฐแอฟริกากลาง ก็เริ่มมีการรับรองคริปโตตามมา รวมถึงประเทศต่าง ๆ หันกลับมาหารือเรื่องกฎระเบียบคริปโตมากขึ้น
ณ เดือนสิงหาคม 2025 เอลซัลวาดอร์ได้ยกเลิกการรับบิตคอยน์เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม บิตคอยน์ยังสามารถนำไปซื้อขายส่วนบุคคลในประเทศได้ และรัฐบาลก็ยังคงซื้อบิตคอยน์อยู่
เดิมพันกีฬาออนไลน์ด้วยคริปโต ง่ายและปลอดภัยทันที
Terra Luna ล่มสลาย - 9–13 พ.ค. 2022
การล่มสลายของ Terra Luna ในปี 2022 ถือเป็นหนึ่งในความล้มเหลวที่ดรามาติกที่สุดในประวัติศาสตร์คริปโต ที่ทำให้มูลค่ากว่า $60 พันล้านหายไปภายในไม่กี่วัน Stablecoin อัลกอริทึม TerraUSD (UST) สูญเสียการตรึงไว้ที่ค่า $1 เกิด “death spiral” ที่ทำให้การหมุนเวียนของ UST และโทเคนที่รองรับ LUNA ล่มสลาย เมื่อ UST ต่ำกว่า $1 ระบบจึงผลิต LUNA จำนวนมากเพื่อรักษาค่า ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อสูง และราคาของ Luna ลดจากกว่า $100 เหลือ $0 ในไม่กี่วัน UST ก็เกือบไร้ค่า
เหตุการณ์นี้ลากให้ผู้เล่นรายใหญ่เช่น Three Arrows Capital, Celsius ฯลฯ ล่มสลายตามไปด้วย และทำให้ตลาดคริปโตถดถอยครั้งใหญ่ เรื่องนี้นำไปสู่การตรวจสอบ stablecoin และการบริหารความเสี่ยงในคริปโตมากขึ้น
Axie Infinity ถูกแฮก - 23 มี.ค. 2022
เดือนมีนาคม 2022 เกิดเหตุการณ์แฮกครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์คริปโต เมื่อเกมบล็อกเชนยอดนิยม Axie Infinity ถูกแฮกเกอร์เจาะเครือข่าย Ronin Network ซึ่งเป็น sidechain ของ Ethereum ขโมยคริปโตไปกว่า $620 ล้าน เหตุการณ์นี้ไม่ได้รับการตรวจพบเป็นเวลาถึง 6 วัน จนผู้ใช้บางคนไม่สามารถถอนเงินได้
การแฮกนี้ส่งผลกระทบต่อผู้เล่นโดยเฉพาะจากประเทศกำลังพัฒนา ที่พึ่งพา Axie Infinity เป็นรายได้ เป็นการเน้นให้เห็นว่าการเจาะความปลอดภัยของคริปโตส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจริงแบบจับต้องได้ รวมถึงบีบให้นักพัฒนาเกมต้องชดเชยเงินและพัฒนามาตรการความปลอดภัยใหม่ โดย Ronin ได้เปิดใช้งานใหม่พร้อมมาตรการป้องกันและผู้ตรวจสอบเพิ่มเติม
FTX ล้มละลาย - 11 พ.ย. 2022
ปี 2022 FTX ตลาดเทรดคริปโตที่ใหญ่เป็นอันดับสามในขณะนั้น ยื่นขอล้มละลายและปิดตัวลง หลังมีข่าวการทุจริตทางการเงินที่บริษัทในเครือ Alameda Research ซึ่งเปิดช่องโหว่ในการบริหารออกมาเป็นเงินกว่า $8 พันล้านในกองเงินลูกค้า ทำให้ลูกค้าพากันถอนเงินถึง $6 พันล้านใน 72 ชั่วโมง สุดท้าย FTX และ Alameda ก็ยื่นขอล้มละลายและ Sam Bankman-Fried ลาออกจากตำแหน่ง CEO
ผลกระทบจากเหตุการณ์นี้มหาศาล มีผู้ใช้กว่าล้านรายที่ถูกแขวนไว้ รายได้ลูกค้าที่สูญหายหลายพันล้าน และเกิดผลกระทบเป็นทอด ๆ ไปถึงบริษัทคริปโตอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ FTX ถูกมองว่าเป็นบริษัทแถวหน้าเหรียญ แต่อุบัติเหตุครั้งนี้เปิดโปงการทุจริตระดับสูงและบริหารงานผิดพลาดอย่างร้ายแรง หน่วยงานกำกับดูแลและอัยการจึงดำเนินการอย่างรวดเร็ว และ SBF ถูกจับกุมและตั้งข้อหาฉ้อโกง ส่งผลให้ผู้ใช้สูญเสียความเชื่อมั่นในตลาดเทรดคริปโต และหันเอาเงินไปเก็บไว้เองแทน
ก.ล.ต.สหรัฐฯ ตัดสินว่า XRP ไม่ใช่หลักทรัพย์ - 13 ก.ค. 2023
ในการตัดสินคดีความระหว่าง SEC กับ Ripple Labs ในปี 2023 ศาลสหรัฐฯ ชี้ขาดว่า XRP ไม่ใช่หลักทรัพย์โดยธรรมชาติ แต่สามารถถูกจัดเป็นหลักทรัพย์ได้ขึ้นอยู่กับลักษณะการขาย ศาลแยกแยะระหว่างการขายให้กับสถาบัน (ถือเป็นหลักทรัพย์) กับการขายผ่านตลาดรายย่อย (ไม่ถือเป็นหลักทรัพย์) เหตุการณ์นี้ตั้งบรรทัดฐานสำคัญให้กับการกำกับดูแลคริปโต และให้ความหวังแก่โครงการอื่น ๆ ที่กำลังเจอปัญหาด้านข้อกฎหมาย ในขณะที่ ก.ล.ต. ยังคงอุทธรณ์ต่อแต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญสู่กรอบกฎหมายที่ชัดเจนขึ้นสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐฯ
อนุมัติ US Spot BTC ETF ตัวแรก - 10 ม.ค. 2024
หลังจากพยายามมานานเกือบ 10 ปี ในที่สุดสหรัฐฯ ก็อนุมัติ Spot Bitcoin ETF ตัวแรกในวันที่ 10 มกราคม 2024 SEC ได้อนุมัติใบสมัครพร้อมกัน 11 บริษัท รวมถึงจาก BlackRock, Fidelity, Invesco และบริษัทใหญ่ ๆ หลายแห่ง ETF เหล่านี้ดึงดูดเงินลงทุนหลายหมื่นล้าน โดยกองทุน iShares Bitcoin Trust (IBIT) ของ BlackRock มีสินทรัพย์รวมมากถึง $50 พันล้าน ETF เหล่านี้เปิดทางให้นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าถึงบิตคอยน์อย่างง่ายดาย และถือว่าเป็นการรับรองให้คริปโตเป็นสินทรัพย์อย่างแท้จริง
เดิมพันกีฬาออนไลน์ด้วยคริปโต ง่ายและปลอดภัยทันที
ราคาบิตคอยน์ทะลุ $100,000 - 5 ธ.ค. 2024
วันที่ 5 ธันวาคม 2024 บิตคอยน์ได้ทำสถิติใหม่ด้วยราคาทะลุ $100,000 เป็นครั้งแรก โดยในวันนั้นบิตคอยน์แตะจุดสูงสุดที่ ABC เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลัง Donald Trump ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง และเสนอชื่อ Paul Atkins ที่นิยมคริปโตเป็นประธาน ก.ล.ต. ราคาบิตคอยน์จึงวิ่งขึ้นกว่า 45%
จุดนี้ถือเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าบิตคอยน์เดินทางมาไกลมากใน 15 ปี และกลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าคริปโตถูกนำไปสู่กระแสหลักมากขึ้น มีการนำโดยสถาบันการเงินและรัฐบาลเข้ามามีส่วนร่วม
10 ประเทศผู้นำในการถือครองคริปโต
เมื่อเรารู้จักเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของคริปโตแล้ว มาดู 10 อันดับประเทศที่เป็นผู้นำด้านการถือครองคริปโต ตลาดเกิดใหม่มักติดอันดับในสัดส่วนประชากรที่ถือครองคริปโต อันเป็นผลจากความต้องการโอนเงิน การเงินเฟ้อในประเทศ และการเข้าถึงธนาคารแบบดั้งเดิมที่จำกัด
ผลจากการสำรวจปี 2023 นี่คือ 10 ประเทศที่มีผู้ถือครองคริปโตมากที่สุด
อันดับ | ประเทศ | ผู้ถือครองคริปโตโดยประมาณ |
---|---|---|
1 | อินเดีย | ~93.5 ล้าน |
2 | จีน | ~59.1 ล้าน |
3 | สหรัฐฯ | ~52.9 ล้าน |
4 | บราซิล | ~26.0 ล้าน |
5 | เวียดนาม | ~20.9 ล้าน |
6 | ปากีสถาน | ~15.9 ล้าน |
7 | ฟิลิปปินส์ | ~15.8 ล้าน |
8 | ไนจีเรีย | ~13.3 ล้าน |
9 | อินโดนีเซีย | ~12.2 ล้าน |
10 | อิหร่าน | ~12.0 ล้าน |
ที่มา: TripleA global crypto ownership data, 2023 “Crypto owners” หมายถึงผู้ถือครองคริปโตเคอร์เรนซีใด ๆ
จะเห็นได้ว่า อินเดียขึ้นนำเป็นประเทศที่มีผู้ใช้งานคริปโตมากที่สุดในโลก (กว่า 93 ล้านคน) แม้ว่าอัตราการถือครองในอินเดียจะอยู่ที่ 6.6% ซึ่งไม่สูงมาก แต่ด้วยขนาดประชากรที่มหาศาลจึงผลักให้อินเดียขึ้นนำในเชิงจำนวนจริง
สหรัฐอเมริกามีผู้ถือครองคริปโตมากกว่า 52 ล้านคน ถือเป็นตลาดที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุดในโลก มีการสนับสนุนจากสถาบันการเงิน และ Wall Street อนุมัติ Bitcoin ETF ในปี 2024 ซึ่งจะยิ่งผลักดันให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำด้านการทำให้คริปโตถูกต้องตามกฎหมายต่อชาวทั่วไปมากขึ้น
ส่วนจีนแม้ว่ารัฐบาลจะมีการแบนการเทรดและขุดคริปโตอย่างเคร่งครัด แต่ก็ยังคงอยู่ในอันดับสองด้านจำนวนผู้ถือครอง ผลก็คือมีประชาชนจำนวนมากแอบเข้าถึงคริปโตผ่านแพลตฟอร์มนอกประเทศหรือถือไว้เป็นการลงทุน
ประเทศกำลังพัฒนาบางแห่ง เช่น เวียดนาม (~21% ของประชากร) และฟิลิปปินส์ (~13%) มีอัตราการถือครองสูงในเชิงสัดส่วนของประชากร สาเหตุสำคัญคือความนิยมในการใช้คริปโตเพื่อโอนเงิน การลงทุน และเกมเล่นเพื่อหารายได้
บราซิลและไนจีเรียก็โดดเด่นเช่นกัน ทั้งสองประเทศเป็นตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ที่มีผู้ถือครองคริปโตหลักหลายสิบล้านคน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการป้องกันเงินเฟ้อและนวัตกรรมฟินเท
สรุป
โดยสรุปแล้ว คริปโตได้เติบโตจากการทดลองทางดิจิทัลสู่การปฏิวัติทางการเงินระดับโลกในช่วงเวลาไม่กี่ปี ตั้งแต่บล็อคเจเนซิสของบิตคอยน์จนถึงการอนุมัติ Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ ตลาดคริปโตได้ผ่านการสร้างสรรค์ นวัตกรรม อุปสรรค และความสำเร็จมากมาย
ทุกวันนี้คริปโตถูกถือครองโดยประชากรหลายร้อยล้านคนทั่วโลก และผนวกเข้ากับระบบการชำระเงิน การลงทุน เกม และแม้แต่เศรษฐกิจระดับประเทศ หากมองย้อนถึงเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ จะเห็นว่าความสำเร็จของคริปโตส่วนใหญ่เกิดจากกรณีใช้งานจริง เช่น การโอนเงินแบบระหว่างประเทศ การเงินแบบกระจายศูนย์ และการถือครองสิทธิ์ดิจิทัล และหากพิจารณาตัวเลข ก็จะเห็นว่าการนำคริปโตไปใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงสามปีที่ผ่านมา ด้วย ESG, การลงทุนโดยสถาบันการเงิน และความเป็นไปได้ของสกุลเงินดิจิทัลกลางโดยธนาคาร คริปโตดูพร้อมแล้วที่จะเข้าสู่กระแสหลักอย่างจริงจัง
คำถามที่พบบ่อย
คริปโตอันดับ 1 คือเหรียญอะไร
ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ เหรียญคริปโตอันดับ 1 คือบิตคอยน์ เหรียญแรกที่เปิดตัวในปี 2009 และยังคงเป็นอันดับหนึ่งทั้งด้านมูลค่าตลาดและระดับการถูกถือครองทั่วโลก
คริปโตได้รับความนิยมมากแค่ไหน
คริปโตเคอร์เรนซีได้รับความนิยมสูงทั่วโลก โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้ถือครองเกิน 560 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 15 ของผู้ใหญ่ทั่วโลก
อีลอน มัสก์ มีเหรียญคริปโตของตัวเองหรือไม่
อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla และ SpaceX ไม่มีคริปโตเคอร์เรนซีส่วนตัว แต่มัสก์เป็นที่รู้จักว่าชื่นชอบ Dogecoin (DOGE) ซึ่งเป็นเหรียญ meme ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาด
คริปโตมีอนาคตหรือไม่
เมื่อพิจารณาจากการอนุมัติ Bitcoin ETF และแนวโน้มต่อการนำคริปโตไปใช้โดยทั่วไป ก็มีแนวโน้มที่ดี แต่เช่นเดียวกับเครื่องมือการเงินอื่น ๆ คริปโตมีความเสี่ยงและไม่ได้รับประกันผลตอบแทน