ด็อก ริเวอร์ส พลาดตรงไหน : ทำไม ซิกเซอร์ส จึงมีผลงานย่ำแย่ในบาสเกตบอล NBA 2022-23

นักเขียน
Stephen Noh
ด็อก ริเวอร์ส พลาดตรงไหน : ทำไม ซิกเซอร์ส จึงมีผลงานย่ำแย่ในบาสเกตบอล NBA 2022-23  image

จากการตั้งเป้าหมายไว้สู่ทีมระดับลุ้นแชมป์ กับผลงานในช่วงออกสตาร์ทของทีมฟิลาเดลเฟีย เซเวนตี ซิกเซอร์ส ทุกอย่างดูจะสวนทางกันไปหมดและผู้ที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ก็หนีไม่พ้น ด็อก ริเวอร์ส เฮดโค้ชคนเก่งของทีม

ตัวของ ริเวอร์ส ก็ถูกวิจารณ์เรื่องผลงานมาหลายฤดูกาล แต่หนนี้การพุ่งเป้าไปที่เขาดูจะหนักกว่าครั้งไหน ๆ รุนแรงขนาดที่ว่ามีการเรียกร้องจากแฟน ๆ ให้ปลดโค้ชคนนี้ออกได้แล้ว แต่คำวิจารณ์เหล่านั้นถูกต้องหรือไม่ยุติธรรม นี่คือสิ่งที่เราจะมาอธิบายกันในบทความนี้


NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัด คลิกเลย

เกมบุกที่ไร้เสน่ห์ แต่มีประสิทธิภาพ

เกมบุกของซิกเซอร์ส อาจดูไร้ระบบ โดยเฉพาะการปล่อยให้ เจมส์ ฮาร์เด้น ถือบอลมากเกินความจำเป็น (เมื่อเทียบกับคุณภาพผู้เล่นที่มีในทีม)

 

 

อย่างไรก็ตามถ้าเราวัดตามผลลัพธ์ ซิกเซอ์ส กลายเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพเกมบุกอันดับ 4 ของลีก สถิตินี้ถูกรวบรวมไว้ก่อนที่ ฮาร์เด้น จะได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน

เกมรุกของพวกเขาอาจดูเชื่องช้า ไร้จินตนาการ และไม่น่าดูเท่าไหร่นัก แต่ ฮาร์เด้น กลายเป็นผู้เล่นที่มีสถิติทำแต้มต่อการครองบอลดีสุดในลีก เขาทำได้ 1.16 ต่อการครองบอล เมื่อเทียบกับภาพรวมของทีม ที่ทำได้ 1.11 แต้ม ต่อการครองบอล แปลว่าการให้ ฮาร์เด้น เล่นบาสชายเดี่ยวไปเลยอาจจะมีประสิทธิภาพกว่าด้วยซ้ำ

ไมค์ ดิ แอนโธนี่ โค้ชผู้คลั่งเกมบุกของลีก ก็เคยใช้ตรรกะเดียวกัน โดยเน้นการส่งบอลไปที่ ฮาร์เด้น สมัยที่เขาคุม ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ ปรากฏว่าแผนง่าย ๆ นี้ กลับส่งผลดีต่อทีมมากที่สุด

“ถ้าการเล่นตัวต่อตัวไม่มีประสิทธิภาพ เราจะไม่ทำ แต่เราติดตามผลลัพธ์ ปรากฏว่าเราได้ 1.21 หรือ 1.22 แต้ม ต่อการครองบอล เทียบกับการที่ทั่งทีมทำได้ 1.16 แต้มต่อการครองบอล การที่จะต้องอธิบายถึงเรื่องนี้มันไร้สาระมาก ๆเลย” ดิ แอนโธนี่ กล่าวในรายการพ็อดคาส ของ เบน เทย์เลอร์

 

 

แต่พอ ฮาร์เด้น เจ็บเท่านั้น ซิกเซอร์ส กลายเป็นทีมเกมบุกห่วยสุดของทันที เมื่อนับจากวันที่ 4 พฤศจิกายน มาถึงวันที่ 11 พฤศจิกายน หากว่ากันตามตรงความคิดผิดอาจจะต้องหารร่วมกัน เพราะในขณะที่โค้ชยึดติดกับวิธีการเดียวมากเกินไป ผู้เล่นคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถปรับตัวและเพิ่มทางเลือกให้กับการวางแผนที่ยืดหยุ่นของทีมได้มากนัก

การป้องกันที่แย่เกินบรรยาย

ปัญหาที่แท้จริงของซิกเซอร์ส คือเกมรับ พวกเขาป้องกันอันดับ 19 ของลีก และทำได้ไม่ดีเลยในการป้องกันพื้นที่ครึ่งสนาม (Half Court Defense) แต่จุดที่แย่สุด ๆ คือการป้องกันจังหวะเปลี่ยนผ่าน (Transition Defense) หากนับเฉพาะความพยายามในการเคลื่อนที่ วิ่งไล่ หรือสลับตัวประกบ พวกเขาป้องกันแย่อันดับ 26 ของลีกเลยทีเดียว

 

 

ความหนักหนามากที่สุดของการทำทีมกีฬาคือ เรื่องบางเรื่องไม่มีแผนสำหรับแก้ปัญหาเหล่านั้น การกระตุ้นให้ผู้เล่นวิ่งมากขึ้น เคลื่อนที่มากขึ้น คือหลักการของการโน้มน้าวและจูงใจ ส่วนนักกีฬาก็ต้องไม่มีอีโก้ และ พร้อมเสียสละมากพอสำหรับทีม อย่างแต่ก่อนเรามักจะเห็นความเหวอ ๆ ของเกมรับในตัว ฮาร์เด้น อยู่บ่อยครั้ง เมื่อเขาเสียบอล ก็มักจะวิ่งจ๊อกกิ้งลงมา ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมถึงหน้าบ้านของพวกเขาแล้ว

สำหรับประเด็นนี้ ต้องโยนที่โค้ชเต็ม ๆ ที่ไม่สามารถจัดการกับนักกีฬาของตนเองได้

ผู้เล่นซิกเซอร์ส ไม่ได้ทำตามแผนของ ริเวอร์ส 

สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดระหว่างโค้ชกับผู้เล่น คือการขาดความเชื่อใจซึ่งกันและกัน ดูเหมือนว่า ซิกเซอร์สกำลังประสบปัญหานี้อยู่ไม่น้อย

เกมที่พวกเขาเปิดบ้านแพ้ บัคส์ ผู้เล่นในสนามต่างเพิกเฉยกับคำสั่งของ ริเวอร์ส ทำให้ บัคส์ ตีเสมอและชนะพวกเขาในช่วงต่อเวลา

 


เกมต่อมาพวกเขาแพ้ให้กับสเปอร์ส 105-114 คะแนน โดย ริเวอร์ส มองว่าผู้เล่นไม่มีความพร้อมสำหรับการแข่งขันเลย (สมาธิหลุดบ่อย)

 

รวมถึงการแพ้ต่อ แร็ปเตอร์ส 109-119 คะแนน ริเวอร์ส ไม่พอใจมากกับการที่ทีมไม่ฟังเขา

“เกมบุก จะดีกว่านี้ได้ถ้าเราเล่นได้ถูกต้อง ถ้าเราสร้างพื้นที่มากขึ้น เล่นให้เร็วมากขึ้นกว่านี้เล็กน้อย และไม่เสียเทิร์นโอเวอร์ส” เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อ

สิ่งสำคัญนอกจากการปรับแผน คงจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างโค้ชและผู้เล่น ซึ่ง ริเวอร์ส เจองานที่ท้าทายนี้ อยู่กับเหล่าผู้เล่นของทีม

 


โชคดีที่ทีมอาจจะรับรู้ถึงปัญหาได้เร็วตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล และ พวกเขาก็ไม่ได้เละเทะเหมือนกับ แอลเอ เลเกอร์ส ต้องรอดูว่า ริเวอร์ส เหล่าบรรดาผู้เล่นในทีมซิกเซอร์ส และ ผู้บริหาร จะจัดการกับปัญหาทั้งหมดนี้อย่างไร แต่ถ้าผ่านไปสักครึ่งซีซั่นแล้วเรื่องราวยังไม่ดีขึ้น ก็อาจถึงเวลาเปลี่ยนแปลงทีมครั้งใหญ่เหมือนกัน