วอนเดอร์คิด คือคำเปรียบเปรยของดาวรุ่งที่มีโอกาสจะก้าวเป็นสตาร์ในอนาคต และ จอช แม็คเอคราน ดาวรุ่งของ เชลซี ก็เคยได้รับการเรียกขานนี้
ครั้งหนึ่งเขาคือกองกลางดาวรุ่งฝีเท้าดี ที่ถูกนำไปเปรียบกับ เป๊บ กวาร์ดิโอลา สมัยเป็นนักเตะ และได้รับความสนใจจาก เรอัล มาดริด จนถึงขั้นยื่นข้อเสนอดึงตัวไปร่วมทีม
แต่สุดท้ายทั้งหมดก็ไม่เคยเกิดขึ้น เพราะอะไร? ติดตามไปพร้อมกัน
ดาวรุ่งผู้ปฏิเสธมาดริด
สำหรับ จอช แม็คเอคราน เอาคือลูกหม้อของเชลซี หลังเข้ามาอยู่ในทีมตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมชุดคว้าแชมป์ เอฟเอ ยูธคัพ เมื่อปี 2009-2010 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปีของสโมสร
นอกจากนี้ในปีเดียวกัน แม็คเอคราน ยังเป็นหนึ่งในขุนพลทีมชาติอังกฤษ U-17 รุ่นเดียวกับ รอส บาร์คลีย์ ที่ก้าวขึ้นไปคว้่าแชมป์ยูโร 2010 อีกด้วย
ผลงานดังกล่าว ทำให้ เรอัล มาดริด อยากได้เขาไปร่วมทีม แต่สุดท้าย แม็คเอคราน ก็เลือกอยู่กับทีมต่อ และ คาร์โล อันเชล็อตติ ดันขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ในฤดูกาลต่อมาทันที
“ตอนนั้นผมอายุ 16 และอยู่กับเชลซี เอเยนต์ของผมบอกว่า ‘เรอัล มาดริด ต้องการคุณ’ มันแทบไม่น่าเชื่อ ด้วยอายุตอนนั้น” แม็คเอคราน กล่าวเมื่อปี 2017
“ผมมีโอกาสที่จะไป เรอัล มาดริด และ แมนฯ ยูไนเต็ด เรอัล มาดริด ร่างสัญญารอผมแล้ว และอยากให้ผมและครอบครัวบินไป แต่ผมตอบไปว่า ‘ไม่ ผมจะอยู่กับเชลซี ผมเป็นแฟนเชลซี’”
แม็คเอคราน ก็ตอบแทนความไว้ใจของ อันเชล็อตติ ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมในสนาม จาก 9 เกมในพรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก อีก 6 เกม จนได้รับรางวัลแข้งดาวรุ่งแห่งปีของเชลซีในฤดูกาล 2010-20111
“ผมคิดว่า จอช แม็คเอคราน สามารถลงเล่นได้ทุกเกม เขาแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ เขาเล่นเกมรับได้ดี เอาชนะปะทะได้มากทีเดียว และแน่นอนบอลจากเท้าของเขามันยอดเยี่ยมเลย” อันเชล็อตติกล่าว
“เขาเล่นได้ทั้งบอลสั้นและบอลยาวโดยไม่มีปัญหา เขาเล่นด้วยบุคลิกของเขา เขาต้องเติบโต ต้องพัฒนา แต่ตอนนี้เขาก็พร้อมเล่นแล้ว”
อย่างไรก็ดี จุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้นเมื่อ อัลเชล็อตติ ถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังจบฤดูกาล 2010-2011 และผู้มาใหม่อย่าง อังเดร วิลลาส โบอาส ดูจะไม่เชื่อใจในตัวเขา ที่ทำให้เขาต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในฐานะแข้งตัวยืม
ยิ่งไปกว่านั้น การที่เชลซี เปลี่ยนโค้ชเป็นว่าเล่น ที่นอกจาก อันเชล็อตติ กับ โบอาส ก็ยังมี โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ, ราฟา เบนิเตซ ไปจนถึง โชเซ มูรินโญ ยังทำให้พัฒนาการของเขาต้องสะดุด เพราะโค้ชส่วนใหญ่เลือกที่จะปล่อยเขาให้ทีมอื่นยืมตัวไปเช่นกัน
ตลอด 5 ปีในถิ่นแสตมฟอร์ด บริดจ์ แม็คเอครานถูกส่งไปให้ทีมอื่นยืมตัวถึง 5 ครั้งกับ 5 สโมสร ไล่ตั้งแต่พรีเมียร์ลีก ลีกล่าง ไปจนถึงลีกเนเธอร์แลนด์ และทำให้เขาเล่นให้เชลซี 22 นัดเท่านั้น ก่อนจะถูกขายให้ เบรนท์ฟอร์ด ในปี 2015
ตอนนี้เป็นอย่างไร?
แม้ว่า แม็คเอคราน จะเริ่มกลับมาคืนฟอร์มเดิมในสีเสื้อของ เบรนท์ฟอร์ด จนกลายเป็นแข้งน่าจับตาของ เดอะ แชมเปียนชิพ แต่เขาก็มีอุปสรรคสำคัญ นั่นคืออาการบาดเจ็บที่คอยรบกวน
แต่ถึงยังอย่างนั้นเขาก็ยังลงเล่นให้ เบรนท์ฟอร์ด ไปถึง 101 เกม ตลอด 4 ปีที่อยู่ที่นั่น ก่อนจะถูกปล่อยตัวออกจากทีมหลังหมดสัญญาในปี 2019
แม้ว่าหลังจากนั้น แม็คเอคราน จะยังได้เล่นใน เดอะ แชมเปียนชิพ ต่อ หลังมาอยู่กับ เบอร์มิงแฮม แต่เขาก็ต้องโชคร้าย ได้รับบาดเจ็บหนักที่หัวเข่า จนต้องพักยาวถึง 1 ปี จนสุดท้ายลงเอยด้วยการยกเลิกสัญญากับสโมสร
หลังจากนั้น เขาก็ลดระดับตัวเองด้วยการลงไปเล่นกับ มิลตัน คีย์ ดอนส์ ในลีกวัน ซึ่งเป็นที่ที่เขากลับมาลงสนามอย่างสม่ำเสมอ ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ อ็อกฟอร์ด ยูไนเต็ด สโมสรในบ้านเกิดตั้งแต่ฤดูกาล 2023-2024
ปัจจุบัน แม็คเอคราน ในวัย 32 ปี เพิ่งหมดสัญญากับทีม และไม่รู้ว่าอนาคตต่อไปของเขาจะเป็นอย่างไร อาจจะเลิกเล่น หรือย้ายไปเล่นในลีกรอง ที่ความเข้มข้นน้อยกว่า
ทว่า ที่แน่ๆ เมื่อมองย้อนกลับไป เขาก็รู้สึกเสียดายไม่น้อย ที่ตอนนั้นตัดสินใจปฏิเสธ เรอัล มาดริด ไป เพราะอนาคตเขาอาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไม่มากก็น้อย
“ตอนนั้น ผมแค่เชื่อในตัวเองว่าผมทำได้ ผมบอกกับตัวเองตอนได้ประเดิมสนามภายใต้การคุมทีมของ อันเชล็อตติ ว่า ‘นี่เป็นตัวเลือกที่ดีแล้ว ที่ปฏิเสธ เรอัล มาดริด’” แม็คเอคราน กล่าว
“แต่พอมองย้อนกลับไป บางทีผมน่าจะตอบตกลงมากกว่า”