แม้ปฏิทินฟุตบอลยุคใหม่แทบไม่เปิดโอกาสให้พักหายใจ แต่การเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ในประเทศก็มักนำมาซึ่งความตื่นเต้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นทีมใหม่ นักเตะใหม่ หรือผู้จัดการทีมหน้าใหม่ สิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างเรื่องราวให้พูดถึงได้ไม่รู้จบ
แต่หากเราขยายมุมมองออกไปอีกสักหน่อย จากข้อมูลฤดูกาล 2024-25 เราจะสามารถคาดเดาแนวโน้มในฤดูกาล 2025-26 ได้หรือไม่?
วันนี้เราจึงชวนคุณย้อนกลับไปดูข้อมูลสำคัญบางประการที่อาจชี้ให้เห็นว่า อะไรคือแนวทางแท็กติกใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น
5 เทรนด์ลูกหนัง ที่เรากำลังจะได้เห็นอีกครั้งในฤดูกาล 2025-26
1.กองหลังเตะเปิดเกม: เทรนด์ที่พุ่งสูงขึ้น
การเตะเปิดเกมจากผู้เล่นนอกตำแหน่งผู้รักษาประตู (outfielder goal kicks) กลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น และมีแนวโน้มจะเพิ่มต่อเนื่องในฤดูกาลหน้า
นับตั้งแต่มีการปรับกฎในฤดูกาล 2019-20 ที่อนุญาตให้ส่งบอลภายในเขตโทษจากการเตะเปิดเกมได้ จำนวนกองหลังที่ลงมาเตะบอลเองก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ โดยฤดูกาลล่าสุด 28% ของการเตะเปิดเกมมาจากนักเตะนอกตำแหน่งผู้รักษาประตู
ตัวอย่างเช่น
ไบรท์ตัน ภายใต้การคุมทีมของ ฟาเบียน เฮิร์ซเลอร์ ทำสถิติสูงสุดที่ 158 ครั้ง
ลิเวอร์พูล รองลงมา 140 ครั้ง โดยใช้รูปแบบที่หลากหลาย เช่น ฟาน ไดจ์ค ส่งให้ อลิสซง ก่อนเปิดยาวทะลุแนวเพรส
2.อาร์เซนอล-แมนฯ ซิตี้: จะปรับตัวสู่เกมเร็วหรือไม่?
เป๊ป กวาร์ดิโอลา กล่าวเมื่อเดือนมกราคมว่า “ฟุตบอลสมัยใหม่คือรูปแบบที่ทีมอย่างบอร์นมัธ, นิวคาสเซิล, ไบรท์ตัน และลิเวอร์พูลเล่นอยู่ — ไม่ใช่แบบดั้งเดิมอีกต่อไป คุณต้อง ‘ลุกขึ้นไปกับจังหวะ’ ของเกม”
แม้ ซิตี้ และอาร์เซนอล จะยังเน้นการครองบอลอย่างมีระบบ แต่สถิติชี้ว่าพวกเขาอาจจำเป็นต้องเปิดรับ “เกมโต้กลับ” มากขึ้น
แมนฯ ซิตี้มีอัตราส่งบอลไปข้างหน้าหลังได้บอลคืนต่ำที่สุดในลีก (64%)
อาร์เซนอลเสริมทัพด้วย วิคเตอร์ เยอเกอร์เรส ดาวยิงที่ถนัดเล่นในจังหวะสวนกลับ
ทั้งสองทีมมีผู้เล่นที่เหมาะกับเกมเปิดมากขึ้น อาจได้เห็นการเปลี่ยนสไตล์ในบางเกม
3..รูปแบบเขี่ยบอลสไตล์รักบี้กำลังมา?
แม้จะลดการเปิดยาวโดยรวม (ฤดูกาลที่แล้วมีเพียง 11% ของการจ่ายบอลเป็นบอลยาว) แต่การเริ่มเขี่ยลูกในแบบ “ทิ้งบอลไปแดนหน้าเพื่อเก็บพื้นที่” กลับมาเป็นที่นิยม
เบรนท์ฟอร์ด ทำประตูได้ถึง 5 ลูกภายใน 80 วินาทีหลังเขี่ยบอล เรียกได้ว่าเป็นเจ้าแห่งลูกเริ่มเกม
ลิเวอร์พูล ก็ใช้การวางยาวจาก ฟาน ไดจ์ค บ่อยครั้ง
เปแอสเช ถึงขั้นใช้เทคนิค “เตะออกข้าง” แบบรักบี้ในการแข่งขันชิงแชมป์สโมสรโลก เพื่อดันไลน์ขึ้นสูงและเพรสซิ่งทันที
ฤดูกาลหน้าอาจได้เห็นลูกเขี่ยเกมที่ไม่ธรรมดาอีกมากมาย
4.ลูกทุ่มไกล... จะกลับมา?
โธมัส แฟรงก์ เฮดโค้ชคนใหม่ของสเปอร์ส ให้สัมภาษณ์ว่าเขา “เปิดรับทุกรายละเอียดที่ช่วยให้ทีมดีขึ้น” รวมถึง “ลูกทุ่มไกล”
ที่เบรนท์ฟอร์ด ฤดูกาลที่แล้ว พวกเขาสร้างโอกาสจากลูกทุ่มมากกว่าทุกทีมในลีก (103 ครั้ง)
สเปอร์สมีการฝึกทุ่มไกลในช่วงปรีซีซั่น
ลิเวอร์พูลก็เช่นกัน มีรายงานว่าผู้เล่นหลายคนซ้อมทุ่มไกลในทัวร์ญี่ปุ่น
นอกจากนี้ กฎใหม่ของ IFAB กำหนดว่าผู้รักษาประตูที่ถือบอลเกิน 8 วินาที อาจเสียเตะมุมให้คู่แข่ง — ทำให้การเสียมุมจากความประมาทมีราคาที่แพงขึ้น โดยเฉพาะกับทีมที่รับมุมไม่เก่งอย่างอาร์เซนอลและแมนฯ ยูไนเต็ด
5.ปีกถนัดเท้าขวาอยู่ขวาใกล้สูญพันธุ์?
ยุคของ “ปีกเท้าตรงข้าม” หรือ “Inverted Winger” กลายเป็นกระแสหลักในพรีเมียร์ลีกแล้ว สองในสามของการสัมผัสบอลของผู้เล่นริมเส้นเกิดจากนักเตะที่เล่นฝั่งตรงข้ามกับเท้าถนัด
แมนฯ ยูไนเต็ด เสริมทัพด้วย ไบรอัน เอ็มบูโม่ และ มาเธอุส คุนญ่า ที่ต่างก็เล่นเป็น inverted attacker
ท็อตแนม และ อาร์เซนอล ก็ซื้อแข้งอย่าง โมฮัมเหม็ด คูดุส และ โนนี่ มาดูเอเก ที่มีสไตล์คล้ายกัน
แม้จะเป็นยุคของการลากตัดเข้าใน แต่การครอสจากปีกข้างธรรมชาติ (เช่น บอร์นมัธ, นิวคาสเซิล, ฟูแล่ม) ก็มีแนวโน้มฟื้นตัวเช่นกัน และอาจเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มความหลากหลายให้ทีมในฤดูกาลหน้า
บทความที่เกี่ยวข้อง