ราวหนึ่งเดือนก่อน ได้มีข่าวช็อควงการฟุตบอล เมื่อ ซามพ์โดเรีย สโมสรดังของอิตาลี และอดีตแชมป์เซเรีย อา มีอันต้องกระเด็นตกชั้นลงไปเล่นในเซเรีย ซี หรือลีกระดับ 3 แดนมะกะโรนี
อย่างไรก็ดี ตอนนี้ราวกับเรื่องดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้น เพราะ “ลาซามพ์” สามารถรักษาสถานะของการเป็นทีมระดับเซเรีย บี ไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ
พวกเขาทำได้อย่างได้อย่างไร? ติดตามไปพร้อมกัน
ผลงานแย่สุดในประวัติศาสตร์
อันที่จริงจุดเริ่มต้นของหายนะ อาจจะต้องย้อนกลับไปในปี 2014 ในวันที่ มัสซิโม เฟร์เรโร โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ได้เข้ามาเทคโอเวอร์ ซามพ์โดเรีย ต่อจาก เอโดอาร์โด การ์โรเน ที่อยากขายทีม เนื่องจากเป็นมรดกตกทอดมาจากพ่อที่เพิ่งเสียชีวิต
ในตอนแรก ซามพ์โดเรีย เหมือนจะไปได้ดี เมื่อสามารถจบในอันดับ 7 ของเซเรียอา พร้อมได้ตั๋วไปเล่นในยูโรปาลีก แทนที่ เจนัว ทีมจบอันดับ 6 ที่ไม่ผ่านไลเซนส์ของยูฟ่า
แต่นั่นก็เป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของ ซามพ์โดเรีย เมื่อหลังจากนั้นสโมสรกลับมีผลงานที่ตกลง วนเวียนระหว่างทีมหนีตกชั้นกับทีมกลางตาราง สวนทางกับตัวเลขหนี้ที่เพิ่มขึ้น จนต้องขายนักเตะตัวเก่งออกจากทีมแทบทุกปี
“เขาดูจะให้ความสำคัญไปกับการส่งเสริมภาพลักษณ์ของตัวเอง ในฐานะดาราที่มีความพิลึกของเรียลิตี้โชว์เกี่ยวกับฟุตบอลของตัวเอง มากกว่าจะทำให้ทีมประสบความสำเร็จ” สเตเฟน คาซีวิคซ์ นักข่าวฟุตบอลอิตาเลียนของ BBC อธิบาย
จนกระทั่งในปี 2021 ฐานที่ดูง่อนแง่นก็พังทลายลง เมื่อ เฟร์เรโร ถูกจับในข้อหามีส่วนร่วมกับองค์กรอาชญากรรม และการล้มละลาย ที่ทำให้เขาต้องลาออกจากประธานสโมสร
“ประสิทธิภาพสโมสรก็หยุดลงไปดื้อๆ มันไม่มั่นคงอยู่แล้ว” นิมา ทาวาแลย์ นักข่าวฟุตบอลและโฮสต์พอดแคสต์เกี่ยวกับฟุตบอลอิตาลี กล่าวกับ BBC

แต่นั่นก็เป็นเพียงคลื่นระลอกแรกเท่านั้น เพราะถึงแม้ เฟร์เรโร จะลาออก แต่เขาก็ไม่ยอมขายสโมสรให้ใคร และทำให้เงินสนับสนุน ถูกระงับไป จนสุดท้ายทีมต้องร่วงตกชั้นจาก เซเรีย อา ในปี 2023
และในขณะที่ทีมกำลังสุ่มเสี่ยงจะล้มละลาย และอาจตกลงไปเล่นในดิวิชั่น 4 กลุ่มทุนที่นำโดย อันเดรีย ราดิซซานี อดีตเจ้าของทีมลีดส์ ยูไนเต็ด และ มัตเตโอ มันเฟรดี นักลงทุนจากอังกฤษ และ เกสติโอ แคปิตอล บริษัทของเขา ก็เข้าซื้อสโมสร
แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นแค่การต่อลมหายใจเท่านั้น เมื่อฤดูกาลต่อมา ผลงานของ ซามพ์โดเรีย ภายใต้การนำของ อันเดรีย ปิร์โล ก็ยังไม่กระเตื้อง หลังประเดิมซีซั่นด้วยการแพ้ 2 จาก 3 เกมแรก จนทำให้ อดีตมิดฟิลด์ มิลาน ต้องพ้นตำแหน่ง
ทั้งนี้ แม้พวกเขาจะเปลี่ยนตัวกุนซือไปอีก 3 คนหลังจากนั้น แต่ผลงานก็ไม่ดีขึ้น ก่อนที่ ซามพ์โดเรีย จะจบในอันดับ 18 ของตาราง เซเรีย บี และต้องร่วงตกชั้นลงไปเล่นใน เซเรีย ซี เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าดวงของพวกเขาจะยังไม่ถึงฆาต
คว้าโอกาส
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตกชั้นลงไปเล่นใน เซเรีย ซี ของ ซามพ์โดเรีย ได้สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่ววงการฟุตบอลอิตาลี เพราะพวกเขาคืออดีตแชมป์เซเรีย อา และเจ้าของตำแหน่งแชมป์ โคปา อิตาเลีย 4 สมัย
นอกจากนี้พวกเขายังเป็นผู้ปลุกปั้นนักเตะชื่อดังหลายราย ไล่ตั้งแต่ โรแบร์โต มันชินี, จานลูกา วิอัลลี, วิเซลโซ มอนเตลา หรือปัจจุบันอย่าง เมาโร อิคาร์ดี
ทว่า ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของแฟนบอล “ลาม ซามพ์” ไม่กี่วันหลังจากนั้น พวกเขาก็ได้รับข่าวดี ที่จะเปลี่ยนชีวิตตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือ
นั่นคือปัญหาของ เบรสชา ทีมอันดับ 15 ของ เซเรีย บี ที่ทำผิดกฎการเงิน จนต้องถูกตัดแต้มถึง 4 แต้มและจะทำให้พวกเขาร่วงลงมาอยู่อันดับ 18 ที่เป็นโซนตกชั้น พร้อมกับทำให้ ซามพ์โดเรีย ได้ต่อลมหายใจ หลังขยับขึ้นมาที่ 17 ซึ่งได้เพลย์ออฟอีกหนึ่งเฮือก
ราวกับที่มีคนบอกเอาไว้ว่า “สิ่งไหนที่ฆ่าเราไม่ตาย สิ่งนั้นทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น” และ ซามพ์โดเรีย ก็เป็นเช่นนั้น

การกลับมามีความหวัง ทำให้ “ลา ซามพ์” มีกำลังใจอย่างเต็มเปี่ยมในรอบเพลย์ออฟตกชั้น เพราะแม้คู่แข่งอย่าง ซาแลร์นิตานา จะมีอันดับที่สูงกว่า แต่พวกเขาก็ไม่สน กุมความได้เปรียบตั้งแต่นัดแรกด้วยการเปิดบ้านเอาชนะไปได้ 2-0
เกมนัดที่ 2 ซามพ์โดเรีย ต้องการเพียงแค่ผลเสมอก็จะอยู่รอด แต่พวกเขาไม่ได้พอใจแค่นั้น เมื่อนัดที่บุกไปเยือน พวกเขาเดินหน้าเปิดเกมบุก ก่อนจะได้ 2 ประตูจาก มัสซิโม โคดา และ จูเซปเป บิซิลลี หลังผ่าน 50 นาที
แม้ว่าหลังจากนั้น เกมจะต้องยกเลิกชั่วคราวในนาทีที่ 65 เนื่องจากแฟนบอล ซาแลร์นิตานา ปาสิ่งของลงสนาม หลังไม่พอใจสกอร์ที่เป็นอยู่ แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ตัดสินให้ ซามพ์โดเรีย เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 3-0 อยู่ดีจากเหตุการณ์ข้างต้นอยู่ดี
จากผลดังกล่าวทำให้ ซามพ์โดเรีย เอาชนะ ซาแลร์นิตานา ไปด้วยสกอร์ 5-0 รอดพ้นจากตกชั้นลงไปเล่นใน เซเรีย ซี ได้อย่างหวุดหวิด
มันคือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความไม่ยอมแพ้ของนักเตะ “ลาซามพ์” ที่คว้าโอกาสอันริบหรี่มาให้ตัวเองได้ และบางที นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของสโมสรก็เป็นได้