ไขข้อข้องใจ : ทำไมถึงมีแมตช์ชิงที่ 3 ในฟุตบอลโลก?

นักเขียน
Feargal Brennan
ไขข้อข้องใจ : ทำไมถึงมีแมตช์ชิงที่ 3 ในฟุตบอลโลก? image

ความตื่นเต้นในฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศ เป็นอะไรที่การแข่งขันระดับนานาชาติอื่น ๆ ไม่สามารถเทียบได้เลย โดยความสนุกนี้จะมีขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคมนี้

แชมป์เก่าอย่างฝรั่งเศสอาจจะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปรีรันแมตช์เดิม 2 ปีติดหากพวกเขาชนะโมร็อกโกและโครเอเชียสามารถชนะอาร์เจนติน่าได้

อีกทางหนึ่ง ลิโอเนล เมสซี อาจจะได้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศกับอาร์เจนติน่า และพบกับ โมร็อกโก ที่เป็นชาติแรกของแอฟริกาที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกได้

ทั้ง 4 ทีมจะทุ่มเททุกอย่างที่ทำได้เพื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศและหลีกเลี่ยงเพลย์ออฟอันดับ 3 ที่น่ากลัวในวันก่อนรอบชิงชนะเลิศ

การแข่งขันนัดชิงที่ 3 คืออะไร?

การแข่งขันนัดชิงอันดับที่ 3 เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันฟุตบอลโลกตั้งแต่ปี 1954

เกมแมตช์ดังกล่าว มีจุดเด่นก็คือ เป็นเกมที่ทุก ๆ ทีมไม่อยากจะมีส่วนร่วม เนื่องจากมันจะเป็นการแข่งขันระหว่าง 2 ทีมที่แพ้ในรอบรองชนะเลิศมา แม้ว่าจะมีเหรียญทองแดงเป็นเดิมพัน แต่นี่ก็เป็นเกมที่ไม่มีใครอยากจะเล่น

แม้แฟนบอลและผู้เล่นบางส่วนจะคัดค้านการแข่งขัน แต่ฟีฟ่าระบุว่าจะยังคงกำหนดการแข่งขันรอบนี้ในฟุตบอลโลก 2026 ต่อไป

ทำไม ฟีฟ่า ถึงยืนยันที่จะแข่งรอบชิงที่ 3 อยู่?

เหตุผลหลักที่ทำให้ฟีฟ่ายืนกรานที่จะดำเนินการต่อด้วยการแข่งขันที่ไม่น่าสนใจนี้ โดยมีทีม 2 ทีมที่แพ้จากรอบรองชนะเลิศมา เป็นเพราะเรื่องของเม็ดเงิน

ตามรายงานจากร้าน Diario AS สื่อของสเปน เงินอัดฉีดที่ฟีฟ่าได้รับจากผู้แพร่ภาพกระจายเสียงและสปอนเซอร์มีจำนวนมาก โดย FA ของแต่ละประเทศที่แข่งขันกันยังได้รับเงินเพิ่มอีกด้วย

ผู้ชนะของเกม (อันดับที่ 3) ได้รับเงินประมาณ 27 ล้านเหรียญสหรัฐ (22 ล้านปอนด์) โดยผู้แพ้ (อันดับที่ 4) จะได้รับ 25 ล้านเหรียญสหรัฐ (20.4 ล้านปอนด์)

ฟุตบอลโลกรอบชิงที่ 3 : ประวัติศาสตร์ที่ไม่ธรรมดา

มีแนวโน้มที่จะมองว่าการแข่งขันรอบชิงอันดับสามเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่น่าเบื่อที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก โดยฝรั่งเศสเอาชนะเบลเยียม 4-2 ในปี 1986 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ยืดเวลาไปสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ ถึงกระนั้น เกมนี้มักจะกลายเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่ยิงกันเยอะที่สุดในทัวร์นาเมนต์เนื่องจากทั้งสองทีมมีแรงจูงใจน้อยลงอย่างชัดเจนในการเล่นเกมรับให้เหนียวเหมือนรอบอื่น ๆ โดยผลสกอร์ที่ต่ำที่สุดในรอบนี้คือ 1-0 ซึ่งมีเพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้น และครั้งสุดท้ายก็คือปี 1974

ความพ่ายแพ้ในรอบรองชนะเลิศของอังกฤษกับเยอรมนีตะวันตกนั้นถูกผนวกเข้ากับความพ่ายแพ้ต่อเจ้าภาพอิตาลีในปี 1990 แต่การแข่งขันในปี 2002 ได้สร้างประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกที่คาดไม่ถึง เมื่อ ฮาคาน ซูเคอร์ จากตุรกีทำประตูได้เร็วที่สุดของทัวร์นาเมนต์ภายในเวลาเพียง 11 วินาทีเท่านั้นในเกมกับเกาหลีใต้

ในฟุตบอลโลกครั้งก่อนที่ประเทศรัสเซีย เบลเยียมเอาชนะอังกฤษไป 2-0 และคว้าอันดับที่ 3 ไปครอง

ฟุตบอลโลกนัดชิงอันดับที่ 3 
ปีทีมชนะทีมแพ้สกอร์
1954ออสเตรียอุรุกวัยออสเตรีย 3-1 อุรุกวัย
1958ฝรั่งเศสเยอรมันตะวันตกฝรั่งเศส 6-3 เยอรมันตะวันตก
1962ชิลียูโกสลาเวียชิลี 1-0 ยูโรสลาเวีย
1966โปรตุเกสสหภาพโซเวียตโปรตุเกส 2-1 สหภาพโซเวียต
1970เยอรมันตะวันตกอุรุกวัยเยอรมันตะวันตก 1-0 อุรุกวัย
1974โปแลนด์บราซิลบราซิล 0-1 โปแลนด์
1978บราซิลอิตาลีบราซิล 2-1 อิตาลี
1982โปแลนด์ฝรั่งเศสโปแลนด์ 3-2 ฝรั่งเศส
1986ฝรั่งเศสเบลเยียมเบลเยียม 2-4 ฝรั่งเศส
1990อิตาลีอังกฤษอิตาลี 2-1 อังกฤษ
1994สวีเดนบัลแกเรียสวีเดน 4-0 บัลแกเรีย
1998โครเอเชียเนเธอร์แลนด์เนเธอร์แลนด์ 1-2 โครเอเชีย
2002ตุรกีเกาหลีใต้เกาหลีใต้ 2-3 ตุรกี
2006เยอรมันโปรตุเกสเยอรมัน 3-1 โปรตุเกส
2010เยอรมันอุรุกวัยอุรุกวัย 2-3 เยอรมัน
2014เนเธอร์แลนด์บราซิลบราซิล 0-3 เนเธอร์แลนด์
2018เบลเยียมอังกฤษเบลเยียม 2-0 อังกฤษ

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก